home and garden’s diary

บ้านและสวน ทาวน์เฮาส์ อสังหาริมทรัย์

ข้อคิด ก่อนเลือกบริษัทรับสร้างบ้านและข้อตกลงก่อนเริ่มงาน

ใครมีแผนจะสร้างบ้านสักหลังอยู่บ้างคะ การเลือกบริษัทสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาสร้างบ้าน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะการจะสร้างบ้านสักหลังไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งถ้าเราพลาดเลือกบริษัทสร้างบ้านที่ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เสียเงินเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดไปดูข้อคิดก่อนตัดสินใจสร้างบ้านกันค่ะ

 

บริษัทสร้างบ้าน

          

สำรวจความต้องการ ผู้ซื้อจะต้องกำหนดความต้องการของตนเองว่ามีบ้านในฝันแบบไหน เช่น บ้านสไตล์โมเดริน์ บ้านแฝด บ้าน2ชั้น ซึ่งในแต่ละประเภทก็มีความแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการตกแต่งบ้าน ราคา รูปแบบ และเนื้อที่ใช้สอย

แบบก่อสร้างพร้อมแล้วหรือไม่ เพราะการจ้างช่างรับเหมานั้นจะต้องมีความชัดเจนของเนื้องานทั้งด้านแบบ และรายการประกอบแบบ ในกรณีนี้ควรทำการบ้านล่วงหน้าแล้วหาสถาปนิก หรือวิศวกรเพื่อจัดทำแบบให้เรียบร้อยก่อนจึงค่อยหาช่างรับเหมามาคิดราคา แต่หากไม่พร้อมหรือไม่รู้จะเริ่มอย่างไร การหาบริษัทรับสร้างบ้านมาดำเนินการเลยจะง่ายกว่า เพราะจะมีแบบ และคนแนะนำ ตลอดจนเตรียมการให้ได้ทุกอย่างค่ะ

ตั้งงบประมาณซื้อตามกำลังทรัพย์ ราคาค่าก่อสร้างบ้านถูกแพงส่วนใหญ่ขึ้นกับความต้องการของเจ้าของบ้าน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมดังกล่าวมีความจำเป็น ไม่ควรสร้างบ้านราคาสูงเกินกำลัง เพราะจำกลายเป็นเราต้องเหน็ดเหนื่อยกับการตั้งหน้าตั้งตาหาเงินมาสร้างบ้านมากเกินไป

พิจารณาจากผลงานของผู้รับเหมาคนนั้น หรือบริษัทที่ทำการรับเหมานั้น ว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด ตรวจสอบดูผลงานที่ผ่านมาว่าผู้รับเหมามีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่ได้รับมอบหมายหรือไม่ หรือมีประวัติการทิ้งงานก่อสร้างด้วยหรือไม่

 

ข้อตกลงกับบริษัทรับสร้างบ้านหรือผู้รับเหมาให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน

1. ข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับขอบเขตของงาน ซึ่งประกอบด้วยแบบบ้าน รายการประกอบแบบ (แสดงรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ ลักษณะวิธีการก่อสร้าง)

2. สัญญาก่อสร้าง ต้องมีการเซ็นสัญญาเพื่อเป็นกฎกติกาของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อไม่ให้มีปัญหาภายหลัง

3. การแบ่งงวดงาน ต้องมีการเขียนให้ชัดเจนว่าแบ่งการจ่ายเงินเป็นกี่งวด แต่ละงวดจ่ายเมื่อก่อสร้างไปถึงไหนแล้ว

 

การสร้างบ้านสักหลังยังมีข้อควรพิจารณาต่างๆกเช่น สภาพแวดล้อมของบ้าน, ความปลอดภัย, ระบบสาธารณูปโภค, ฯลฯ ดังนั้นผู้ที่คิดจะสร้างบ้านบ้านควรทำความเข้าใจกับรายละเอียดต่างๆ ให้ละเอียดที่สุดเพื่อที่จะได้บ้านสวยตามที่ที่คิดไว้ หวังว่าข้อคิดดังกล่าวคงจะมีประโยชน์ต่อผู้ที่คิดจะสร้างบ้านไม่มากก็น้อยนะคะ

เตรียมบ้านให้พร้อมรับหน้าร้อน 2561 อยู่สบายแถมประหยัดไฟอีกด้วย

หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่า ประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูหนาวและเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2561 โดยอุณหภูมิสูงสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนได้สูงขึ้นเกือบทั่วไปและมีอากาศร้อนในตอนกลางวันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงของอากาศในบทความนี้เราจะมาเตรียมบ้านให้พร้อมรับมือหน้าร้อนนี้กันค่ะ

f:id:n-numprik01:20180307183031j:plain

ตรวจสอบเครื่องปรับอากาศ สำรวจว่าล้างแอร์ครั้งสุดท้ายเมื่อไร หาก 6 เดือนทีผ่านมาคุณยังไม่ได้ล้างแอร์ ควรเรียกผู้รับเหมาสร้างบ้านให้มาจัดารล้างซะให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่หน้าร้อนแอร์จะได้ไม่ทำงานหนักและช่วยประหยัดค่าไฟอีกด้วยค่ะ

 

ติดฟิล์มกรองแสง กรณีพักอยู่ในบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีกระจกล้อมรอบค่อนข้างเยอะ เมื่อหน้าร้อนเข้ามาเยือนความร้อนจะทำให้บ้านนั้นอุณหภูมิสูงขึ้น การเลือกติดฟิล์มกรองแสงเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน

 

เลือกผ้าม่านกันแสง เป็นสิ่งที่ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านที่เหมาะสมและทำได้ง่ายดายวิธีหนึ่งเลยทีเดียวน้า

 

เพิ่มกันสาด สำรวจรอบๆบ้านว่ามีพื้นที่ส่วนไหนที่แดดส่องเข้าไปในตัวบ้าน ถ้ายังไม่มีกันสาดก็ควรให้ผู้รับเหมาสร้างบ้านเพิ่มให้เพราะนอกจากกันสาดจะช่วยกันแดดแล้วยังช่วยกันฝนอีกด้วยนะคะ

 

ปลูกต้นไม้เพิ่ม เพราะต้นไม้เป็นแหล่งผลิตอากาศ หรือออกซิเจนที่เราใช้ในการหายใจ อีกทั้งยังช่วยให้ร่มเงา ช่วยบดบังความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้ เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นค่ะ

 

จัดการภายในที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องระบายอากาศ การเปิดหน้าต่าง ไปจนถึงการทำความสะอาดมุ้งลวด และการใช้หลอดไฟฟ้าแบบหลอด LED mไม่เพิ่มความร้อนภายในอาคาร ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว

 

การเตรียมพร้อมรับมือไว้ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการช่วยให้บ้านของคุณเย็นลง และยังช่วยเราในเรื่องการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ลดค่าไฟที่ต้องใช้ในการเปิดเครื่องปรับอากาศลงได้อีกด้วย รู้แบบนี้แล้วรีบเรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ

 

เปรียบเทียบชัดๆ อิฐมอญ VS อิฐมวลเบา เลือกอิฐแบบไหนสร้างบ้านดี

ถ้าย้อนกลับไปการสร้างบ้านในอดีดมักจะสร้างด้วยวัสดุที่ได้จากธรรมชาติเป็นหลักเช่น ไม้ และเมื่อเวลาผ่านไปวัสดุที่ใช้นำมาสร้างบ้านก็เปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ซึ่งวัสดุชนิดที่บริษัทสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมานิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ อิฐมอญ กับ อิฐมวลเบา ซึ่งอิฐทั้ง2อย่างนีแบบไหนดีกว่ากันล่ะ? วันนี้เลยขอนำข้อมูลที่ได้รวบรวมมาช่วยในการตัดสินใจเลือกกันอย่างเหมาะสมกันค่ะ

          f:id:n-numprik01:20180221135300j:plain

รู้จักกับอิฐมอญ

          หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอิฐแดง ทำจากดินเหนียวผสมแกลบหรือวัสดุอื่นผสมน้ำ เผาด้วยเตาจนสุก ผลิตได้เองภายในประเทศกระจายตามท้องตลาดทั่วภูมิภาค เป็นที่คุ้นเคยกับช่างก่ออิฐทั่วไป นอกจากนี้อิฐมอญยังมีคุณสมบัติทนต่อความชื้น มีความหนาแน่นสูง และราคาถูกกว่าอิฐมวลเบา

รู้จักกับอิฐมวลเบา

          ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “คอนกรีตมวลเบา” มีส่วนผสมหลักคือปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ คุณสมบัติเด่น ให้น้ำหนักที่เบากว่าอิฐมอญ ขนาดของอิฐได้มาตรฐาน  ลดการสูญเสียได้ดี เหมาะอย่างยิ่งกับผนังบ้านที่ต้องการลดน้ำหนักของโครงสร้าง เพราะอิฐมวลเบามีน้ำหนักน้อยกว่าอิฐมอญ ประมาณ​ 1 ใน 3 ของอิฐมอญเท่านั้น

ข้อแตกต่างระหว่าง อิฐมวลเบา VS อิฐมอญ

ความทนทาน อายุการใช้งาน

อิฐมอญ จะได้เปรียบมากกว่าเพราะส่วนผสมที่ทำมาจาก ดินเหนียวปนทราย ผสม แกลบ และขี้เถ้า นำเข้าเตาอบ การยึดเกาะของเนื้อผิวจึงมีมากกว่า สามารถทุบ สกัด เจาะ ฝังอุปกรณ์ต่างๆ ที่รับน้ำหนักมากๆ

อิฐมวลเบา ที่มีส่วนผสมทำมาจาก ทราย ซีเมนต์ ปูนขาว ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียม มีรูพรุนอยู่ข้างในมากกว่า สามารถเกิดการแตกร้าวได้ง่ายกว่า

 

อุณหภูมิภายในบ้าน

อิฐมอญ ที่เนื้ออิฐมีคุณสมบัติสะสมความร้อนได้ดี เมื่อโดนแสงแดดช่วงกลางวันจะแผ่ความร้อนเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งถ้าห้องไหนก่อด้วยอิฐมอญ ควรมีการถ่ายเทอากาศออกสู่ภายนอกได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้เปลืองค่าไฟในการเปิดแอร์มากค่ะ

อิฐมวลเบา เพราะเนื้ออิฐมีลักษณะเป็นฟองอากาศ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี

 

การตกแต่ง

อิฐมอญ นิยมนำมาตกแต่งในหลายสไตล์ สามารถใช่ก่ออิฐโชว์แนว สไตล์ลอฟท์ หรือวินเทจ ซึ่งนอยมมากในปัจจุบัน

อิฐมวลเบา จะถูกนำมาใช้ก่อผนัง และฉาบปูนทับทั่วไป เรื่องการต่อเติมทั้ง 2 แบบ สามารถทำได้เหมือนๆ กัน ขึ้นอยู่กับใช้งานค่ะ

 

ความแข็งแรง การใช้งานทั่วไปไม่ต่างกัน แต่ผนังอิฐมอญจะเหมาะสำหรับการใช้วัสดุกรุผนังที่มีน้ำหนักมาก เช่น หินแกรนิต หรือหินอ่อน

น้ำหนัก อิฐมวลเบาเบากว่าอิฐมอญ 2-3 เท่า และมากกว่าคอนกรีต 4-5 เท่า ทำให้สะดวกในการติดตั้ง

 

          ปัจจุบันบริษัทสร้างบ้าน สร้างบ้านจัดสรรหรืออาคารห้องเช่า จึงใช้อิฐมวลเบาแทนเกือบทั้งหมดยกเว้นในกรณีก่อผนังห้องน้ำที่ยังต้องใช้อิฐมอญ เนื่องจากคุณสมบัติของอิฐมวลเบาไม่สามารถรับการเจาะและแขวนวัสดุที่มีน้ำหนักมากได้กว่า สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะเป็นโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้อิฐในการสร้างบ้านไม่มากก็น้อยนะคะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก baanlaesuan.com

4 เทคนิคคุยงานกับสถาปนิกให้เข้าใจตรงกัน เพื่อบ้านสวยตรงใจ

            เมื่อคิดจะสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านสักหลัง นอกจากเรื่องบริษัทรับสร้างบ้านที่ไหนดี เรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว ยังต้องคำนึงถึงการออกแบบตกแต่งภายในสร้างบรรยากาศบ้านให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการก็เป็นอีกเรื่องสำคัญและควรใส่ใจ ซึ่งจะต้องหาสถาปนิกฝีมือดีสักคนมาช่วยดีไซน์บ้านของคุณให้สวยตรงใจ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสถาปนิกหรือนักออกแบบตกแต่งภายใน คนนั้นจะทำงานเข้ากับเราได้แบบไม่มีปัญหา เพื่อที่จะได้บ้านที่สวยถูกใจเรามากที่สุด วันนี้ไปดูเทคนิคคุยงานกับสถาปนิกให้เข้าใจตรงกัน เพื่อให้การออกแบบบ้านออกมาใกล้เคียงกับความต้องการมากที่สุดค่ะ

     f:id:n-numprik01:20180209172222j:plain

เตรียมแบบบ้านในฝันก่อน

สิ่งแรกที่ควรมีคือแบบบ้านในฝันที่ตัวเองต้องการ อาจจะเป็นรูปแบบแปลนคร่าวๆ หรือแค่ไอเดียบอกเล่า แต่ต้องบอกคอนเซ็ปต์แบบที่อยากได้ให้สถาปนิกได้เข้าใจอย่างชัดเจน

กำหนดงบประมาณไว้ในใจ

ควรจะแจ้งงบประมาณที่เราต้องการให้สถาปนิกรับรู้ เพราะว่าเขาจะได้รู้ขอบเขตของการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสมและเพียงพอต่องบประมาณ ไม่ทำให้งบบานปลาย

ให้ความไว้วางใจสถาปนิก

เมื่อตัดสินใจเลือกสถาปนิก พร้อมทั้งคุยคอนเซ็ปต์และรายละเอียดแบบบ้านอย่างละเอียดไปแล้ว ควรให้อิสระในการทำงานกับสถาปนิกด้วยนะคะ อย่าพยายามไปล้ำเส้นการทำงานของเขามาก จนทำให้เขารู้สึกอึดอัดและเหมือนมีคนคอยตีกรอบความคิดสร้างสรรค์ของเขาอยู่ตลอดเวลา อาจจะแค่คอยติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆก็พอแล้วค่ะ

เลือกคนที่มีสไตล์ใกล้เคียงกับตัวเอง

เพราะคนที่มีสไตล์คล้ายๆกันจะสามารถจูนเข้าหากันได้ง่าย อาจจะตรวจสอบความสามารถรวมทั้งทักษะได้จากผลงานที่ผ่าน ๆ มาของสถาปนิกมาช่วยประกอบการตัดสินใจด้วยก็ได้ค่ะ

 

หวังว่าท่าน ที่ได้อ่านบทความแล้วจะได้ความเข้าใจเรื่องของการสร้างบ้าน และเทคนิคคุยงานกับสถาปนิกให้เข้าใจตรงกันเพื่อให้ได้แบบบ้านที่ใกล้เคียงกับที่คิดไว้ที่สุด และสามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างบ้านหรือต่อเติมบ้านของท่านได้นะคะ

แหล่งแบบบ้านสวยๆที่ได้จากแต่ละที่ มีข้อดีข้อเสียกันยังไงบ้าง

f:id:n-numprik01:20180201171240j:plain

 

            เมื่อคิดจะมีบ้านสักหลังเป็นของตัวเอง นอกจากงบประมาณที่ตั้งไว้แล้ว สิ่งต่อมาคือการมองหา “แบบบ้าน” ตามงบประมาณนั้น ซึ่งแหล่งที่มาของแบบบ้านก็มีหลายช่องทางด้วยกัน เรามีข้อดีข้อเสียของแต่ละแหล่งมาให้ดูกันค่ะ

1.จ้างสถาปนิกและวิศวกรออกแบบ อาจจะคิดว่า "ค่าจ้างสถาปนิกและวิศวกรแพงเกินไป ดูไม่คุ้มค่าเลย" แต่แท้จริงแล้วเงินไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่จ่ายให้สถาปนิกและวิศวกรเป็นส่วนที่คุ้มค่าหากเทียบกับปัญหาที่จะตามมาในภายหลังอย่างน้ำรั่ว ผนังร้าว หลังคาพัง ห้องแคบไป พื้นที่ไม่พอใช้ รวมไปถึงไม่มีการระบายอากาศที่ดี ทำให้ต้องคอยเรียกช่างมาซ่อมบ่อย ๆ ขณะที่การออกแบบที่ดีโดยสถาปนิกนั้น บางครั้งอาจไม่ต้องปรับปรุงต่อเติมเลย

2.แบบบ้านสำเร็จรูปจากหนังสือ วิธีนี้อาจช่วยประหยัดค่าออกแบบได้บางส่วน แต่สุดท้ายก็ต้องจ้างคนมาทำแบบใหม่ แบบจากหนังสืออาจเป็นเพียงแรงบันดาลใจในการไปคุยกับสถาปนิกว่าเราต้องการบ้านแบบไหน

3.แบบบ้านฟรีจากเขต หรือ อบต. วิธีการนี้จะสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนของการขออนุญาตก่อสร้าง เมื่อขออนุญาตผ่านแล้วจึงดำเนินการหาผู้รับเหมาและก่อสร้างได้เลย แต่ถ้าแบบที่ได้อาจยังไม่เหมาะที่จะสร้างในพื้นที่ของเรา จึงจำเป็นต้องมีการปรับแบบให้เหมาะสมกับที่ดินของเราก่อนค่ะ

4.แบบบ้านจากบริษัทสร้างบ้าน รับเหมาเบ็ดเสร็จ บริษัทเหล่านี้จะให้บริการหลายรูปแบบแตกต่างกันไป แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบริการที่ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงงานก่อสร้างแล้วเสร็จ บางบริษัทมีทีมนักออกแบบ ทีมวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญครบ เจ้าของบ้านที่อาจไม่มีเวลา เพราะบริษัทสร้างบ้านจะช่วยให้งานเสร็จและจบลงได้ด้วยดี

อย่างไรก็ดี เจ้าของบ้านส่วนหนึ่งใช้วิธีการว่าจ้างสถาปนิกไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบริษัทหรือสถาปนิกอิสระในออกแบบบ้านตั้งแต่เริ่มต้น โดยถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายในการให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพ แต่เจ้าของบ้านจะได้แบบบ้านที่สมบูรณ์ เหมาะสมกับลักษณะที่ดิน และมีรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร

 

แหล่งที่มา home.co.th

Smart Home ระบบบ้านอัจฉริยะ ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์แค่ปลายนิ้ว

          ถ้าพูดถึงเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวเราที่สุดตอนนี้ ก็น่าจะเป็นเทคโนโลยี Touch Screen โดยการใช้งานผ่าน Smartphone รุ่นต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยี Touch Screen ไม่ได้มีการใช้งานผ่านแค่โทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่บริษัทสร้างบ้านยุคใหม่ได้นำมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในบ้านจะเข้ามามีส่วนที่จะทำให้ชีวิตของเราสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยตั้งอยู่บนความทันสมัย ผ่านระบบ Internet เรียกว่า Smart Home นั่นเองค่ะ

 

          f:id:n-numprik01:20180123131557j:plain

 

                Smart Home หรือระบบ Home Automation เป็นระบบบ้านยุคใหม่ที่มีความทันสมัย ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ และ ระบบภายในบ้าน ได้จากภายนอกหรือทุกที่ที่มี internet ผ่าน Application ใน Smartphone เพื่อตอบสนอง Lifestyle ในปัจจุบัน และ ยังสามารถเชื่อมต่อระบบ security เพื่อเพื่มความปลอดภัยภายในบ้านได้

 

ตัวอย่างการทำงานของ Smart Home เช่น

1) เมื่อมีแสงแดดส่องเข้ามาในห้องและสร้างความร้อนได้ในระดับที่ตั้งไว้ ระบบจะสั่งงานปิดม่านโดยอัตโนมัติ

2) ระบบสั่งการเปิดเครื่องปรับอากาศ เมื่อทราบว่าเจ้าของบ้านกำลังเดินทางมาถึงบ้าน โดยรับคำสั่งจาก mobile application โดยตรงจากเจ้าของบ้าน หรือ ใช้การตรวจจับว่ามีรถเข้ามาจอดที่โรงจอดรถ เป็นต้น

3) เมื่อเซ็นเซอร์ประตูรั้วบ้านถูกเปิดแล้วนั้น จะทำให้ ไฟตามสองข้างทางเปิดขึ้น อย่างเป็นลำดับ

 

 

ข้อดีของระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home)

  • สะดวกสบายด้วยการควบคุมอุปกรณ์ภายในบ้าน ผ่านมือถือ I-phone, Android, IPAD, Tablet
  • สามารถดูสถานะและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ทุกตัวภายในบ้านได้ที่จุดเดียว (จอ Touch screen)
  • เป็นระบบ Decentralize หากอุปกรณ์ตัวใดตัวหนึ่งเสีย การควบคุมอุปกรณ์ตัวอื่นๆก็ยังคงใช้งานได้อยู่
  • ยืดหยุ่นสูง/สามารถต่อเติมได้ เมื่อบริษัทสร้างบ้านติดตั้งระบบ Smart Home ไปแล้ว หากต้องการปรับเปลี่ยนหรือติดตั้งเพิ่ม เราไม่จำเป็นต้องรื้อทั้งระบบใหม่
  • ประหยัดพลังงาน เมื่อเปิดแอร์หรือไฟทิ้งไว้ก็สามารถควรคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้จากระยะไกลไม่ต้องวนกลับมาปิดให้เสียเวลา หรือเปิดทิ้งไว้ทั้งวันให้สิ้นเปลืองหลังงาน

Smart Home นี้ยังสามารถพัฒนาและขยายขอบเขตการควบคุมออกไปได้อีกในอนาคต รวมทั้งปรับปรุงระบบให้ตอบรับกับการเติบโตเทคโนโลยี ในอนาคตจะมีนวัตกรรมสมาร์ทโฮมใหม่ๆ วางขายในตลาดไทยมากขึ้น โดยผู้ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้อุปกรณ์ที่ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน และมีราคาน่าสนใจ Smart Home จึงเป็นอีกทางเลือกที่คนชื่นชอบเทคโนโลยีและหลงใหลในความไฮเทคเลือกใช้ค่ะ

ทริคจัดบ้านให้สวย น่าอยู่เสริมฮวงจุ้ย ต้อนรับปีจอ 2561

f:id:n-numprik01:20180115173832j:plain

                สวัสดีปีใหม่ 2561 ซึ่งเป็นปีจอ ปีนี้ท่านไหนกำลังหาไอเดียจัดบ้านรับปีใหม่เพื่อเสริมฮวงจุ้ยเรื่องต่างๆ ทั้งเรื่องการเงิน ความรัก การงาน  มาเตรียมตัวเปิดประตูรับสิ่งดี ๆ ตั้งแต่ต้นปี  เงินทอง ไหลมา จะมีทริคอะไรบ้างไปดูกันค่ะ

      1.บ้านสกปรก

การดูแลความสะอาดบ้าน นับเป็นการเสริมฮวงจุ้ยให้แก่ผู้อยู่อาศัยในเรื่องการเปิดรับพลังที่ดี เสริมให้เงินทองไหลมาเทมา ให้คนในบ้านอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อบ้านสะอาดก็เสริมสร้างสุขภาพจิตของคนในบ้านให้ดีขึ้นด้วย ก็เป็นวิธีง่ายๆที่ทุกคนในบ้านสามารถช่วยกันดูแลบ้านได้นั่นเองค่ะ

  1. สีบ้านไม่ผ่องใส

สีที่ใช้ทาภายนอกบ้าน อย่างรั้ว ผนัง และกำแพง เมื่อโดนแดดโดนฝนนานๆ ก็ทำให้สีบ้านหลุดร่อน สีจางลง ในเรื่องของหลักฮวงจุ้ย บอกว่าเกี่ยวกับคนในบ้านดูเศร้าหมอง มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ ดังนั้นควรเลือกทาสีบ้านใหม่ให้เสริมดวง เช่นสีขาว ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ สีน้ำตาล ช่วยเสริมในเรื่องสุขภาพ เทาอ่อน/เข้ม ส่งเสริมในเรื่องความมั่นคง  สีฟ้าเสริมในเรื่องการงาน การได้รับโอกาสที่ดี เป็นต้นค่ะ

  1. กระจกแต่งร้าว

สิ่งของที่แตกร้าว พัง เสียหาย ควรนำออกจากบ้าน บาณเชื่อว่าการเก็บกระจกแตกร้าวไว้ในบ้าน จะส่งผลใน้รื่องการทะเลาะกับรอบข้าง และในครอบครัว รวมถึงหากเจอรอยร้าวตามผนังหรือกำแพงควรให้ผู้รับเหมาสร้างบ้าน หรือช่างรีบซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย และเพิ่มความสวยงามให้กับบ้านดูเรียบร้อย สะอาดตา และน่าอยู่ยิ่งขึ้น

  1. ต้นไม้ในสวนเหี่ยวเฉา

สวนดูแห้งเหี่ยว ต้นไม้ ดอกไม้เหี่ยวเฉาและตายไป ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่าจะส่งผลทำให้โชคลาภ เงิน ทองไม่เข้าบ้าน รวมถึงผู้อยู่อาศัยในบ้านมีอารมณ์เย็นชา ไม่ยิ้มแย้มใส่กัน จึงทำให้บรรยากาศภายในบ้านขุ่นหมอง ไม่สดชื่นด้วยเช่นกัน สำหรับไม้มงคลเสริมดวง ที่ควรหามาปลูกให้โชคดีรับปีใหม่ ได้แก่ ต้นโป๊ยเซียน และดาวเรือง มักนิยมปลูกบริเวณบ้าน จะช่วยเรียกเงิน เรียกทอง และความเจริญรุ่งเรืองเข้าบ้าน  ค่ะ

 

สำหรับทริคการจัดบ้านเสริมฮวงจุ้ยต้อนรับปี 2561 สามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์บ้านของท่านได้นะคะ นอกจากจะได้เปลี่ยนโฉมบ้านบ้านให้สวยปัง และน่าอยู่แล้ว ยังเสริมดวงรับทรัพย์ รับโชคดี ตลอดปีใหม่นี้กันด้วยค่ะ